BGH ไตรมาส 2/53 ฉลุย รายได้ใกล้เคียง 5,997 ล้านบาท กำไรสุทธิ 754 ล้านบาท เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยยังขยายตัวดี หลังย้ายไปใช้บริการสาขาในภาคตะวันออกแทนพื้นที่ในกรุงเทพฯหลังการเมืองป่วน พร้อมคงเป้าทั้งปีโต 10% ด้านโบรกฯเชียร์ให้ถือยาว เส้นเทคนิคยังไปต่อได้ ขณะที่พื้นฐานดี ให้แนวต้านที่ 29-31 บาท
นพ.ชาตรี ดวงเนตร ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BGH กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/53 คาดว่ารายได้จะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/53 ที่มีรายได้รวม 5,997 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 754 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าไม่ได้ปรับลดมาก เพราะได้ย้ายไปใช้บริการโรงพยาบาลเครือข่ายภาคตะวันออกที่มีเครื่องมือและความพร้อมในการให้บริการเหมือนเช่นที่กรุงเทพฯ


ทั้งนี้บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 9-10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 22,175.70 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,725.18 ล้านบาท ปัจจุบันสัดส่วนคนไข้ต่างชาติอยู่ที่ 40% และคนไทยจำนวน 60%

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ราคาหุ้นบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ  BGH ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแรงติดต่อกันหลายวัน จากที่นักลงทุนมองว่า หุ้นดังกล่าวมีพื้นฐานที่ดี ประกอบกับคาดการณ์ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/53 คาดว่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/53 ที่มีรายได้รวม 5,997 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 754 ล้านบาท น่าจะสอดคล้องไปกับทิศทางตลาดโดยรวม ขณะที่ในเชิงสัญญาณเทคนิคยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นแม้สัญญาณก็ไม่ชัดเจนนัก

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในเชิงพื้นฐานจะพบว่า หุ้นดังกล่าวเหมาะสำหรับนักลงทุนในระยะยาว ส่วนนักลงทุนระยะสั้นสามารถรอรับช่วงที่ราคาอ่อนตัวลงเพื่อลุ้นรีบาวด์ได้ ทั้งนี้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวแนวรับและแนวต้านอยู่ที่ 29-31 บาท

บทวิเคราะห์ของ บล.ทิสโก้ ระบุว่า ผลประกอบการปี 2553  ของ BGH มีแนวโน้มที่ดี โดยผู้บริหารของ BGH ยังคงเป้าหมายอัตราการเติบโตรายได้ 7-10%  แม้ว่าจะเกิดความวุ่นวายทางการเมือง  อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ป่วยต่างชาติลดลงต่ำกว่าประมาณการเดิม แต่การรักษาโรคที่มีความซับซ้อน  (intensity of treatment) ที่สูงขึ้นช่วยรักษาเป้าหมายรายได้ของบริษัท

อย่างไรก็ตาม คงประมาณการผลประกอบการและยังคงแนะนำซื้อสำหรับ BGH ราคาเป้าหมาย 33.30 บาท จากแนวโน้มที่ยังดีของผลประกอบการ

ทั้งนี้ ระหว่างเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2553 มีอัตราการขยายตัวผู้ป่วยประมาณ 3% (เทียบกับ 13%  ในไตรมาส 1/53) ความวุ่นวายทางการเมืองของไทยส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยต่างชาติลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน โรงพยาบาล BNH ได้รับผลกระทบอย่างมากเนื่องจากตั้งอยู่ใกล้สถานที่จลาจล  ส่วนโรงพยาบาลอื่นๆ ของบริษัทในกรุงเทพฯและพัทยามีรายได้ลดลงเล็กน้อย ขณะที่โรงพยาบาลอื่นๆ มีอัตราการเติบโตด้วยตัวเลข 2 หลักเมื่อเทียบปีก่อน

ดังนั้น จึงคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจะมีอัตราการเติบโตเพียง 3% มาอยู่ที่ประมาณ 300 ล้าน

0 ความคิดเห็น