- BTS บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)  เป็นหุ้นที่มีการซื้อสุทธิผ่าน THAI NVDR สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 1-14 มิ.ย. จำนวน 108.58 ล้านหุ้น เนื่องจากนักลงทุนมองว่าหุ้นจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากมีการควบรวมกิจการระหว่าง TYONG และ BTSC และเปลี่ยนชื่อเป็น "BTS" และผลจากการควบรวมกิจการส่งผลให้ผลกำไรสำหรับปีที่สิ้นสุด 31 มีนาคม 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 204.5 ล้านบาท จาก 20.2 ล้านบาทในปี 2552 และบริษัทจะล้างขาดทุนสะสมและจ่ายปันผลได้ในงบการเงินสิ้นสุดเดือนมี.ค.54 ประกอบกับปลายเดือนนี้คาดว่าวอร์แรนต์จะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นแม่ปรับตัวขึ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ราคาหุ้นลูกซื้อขายในระดับสูงตามไปด้วย

- LPN บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)  เป็นหุ้นที่มีการซื้อสุทธิผ่าน THAI NVDR เป็นอันดับ 2 จำนวน 36.33 ล้านหุ้น ทั้งนี้ เป็นผลจากบริษัทมียอดโอนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ไตรมาส 2/53 คาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 2.6 พันล้านบาท โดยนักวิเคราะห์คาดว่าปีนี้ LPN จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน

- IVL บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)  เป็นหุ้นที่มีการซื้อสุทธิผ่าน THAI NVDR ในยอดรวมนับตั้งแต่วันที่ 1 -14 มิ.ย.53 อยู่ที่ 31.41 ล้านหุ้น เนื่องจากบริษัทมีปัจจัยบวกจากการเปิดโรง AlphaPet ในสหรัฐอเมริกา โดยมีกำลังการผลิตเม็ดพลาสติก (PET) ที่ 432,000 ตันต่อปี และคาดว่าแนวโน้มกำไรในไตรมาสที่ 2 ปี 2553 จะเติบโตขึ้น ประกอบนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรก่อนที่ IVL จะถูกนำเข้าไปคำนวณดัชนี SET 50

- BAY ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)  เป็นหุ้นที่มีการซื้อขายหุ้นผ่าน THAI NVDR จำนวน 29.50 ล้านหุ้น หลังจากก่อนหน้านี้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้น BAY ทิ้งต่อเนื่อง ทำให้กลับมาซื้อเก็บหุ้นใหม่ โดยคาดว่าในปี 53 ธนาคารจะเติบโตมากที่สุดในกลุ่มแบงก์ คงเป็นผลจากที่ได้รับประโยชน์เต็มที่การที่ BAY ไปซื้อพอร์ต AIG และ GE money เข้ามาในปีที่แล้ว

- HEMRAJบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน)  เป็นหุ้นที่มีการซื้อสุทธิผ่าน THAI NVDR จำนวน 27.39 ล้านหุ้น เนื่องจากกำไรสุทธิในไตรมาส1/53 ที่เพิ่มขึ้นถึง 308 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา และการคลี่คลายลงข้อพิพาทในพื้นที่มาบตาพุดที่มีความคืบหน้าโดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในปี 53 และเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่ต้นปี 54

- CPF บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)  เป็นหุ้นที่ถูกซื้อสุทธิผ่าน THAI NVDR จำนวน 25.65 ล้านบาท เนื่องจากราคาเนื้อสัตว์ในประเทศยังทรงตัวในระดับที่สูงทั้งสุกรและไก่ หลังจากเกิดปัญหาอุปทานเนื้อสัตว์ตึงตัว ทำให้แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นของ CPF ในงวด ไตรมาส2 และ3 จะยังทรงตัวในระดับที่สูงใกล้เคียงกับงวดไตรมาส1 ที่ระดับ19 - 20%

- TWZบริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  เป็นหุ้นที่มีการซื้อสุทธิผ่าน THAI NVDR ในยอดรวมนับตั้งแต่วันที่ 1-14 มิ.ย จำนวน 19.02 ล้านหุ้น เนื่องจากผู้บริโภคให้การยอมรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ผลิตในประเทศจีนมากขึ้น เพราะสินค้ามีราคาเหมาะสม และฟังก์ชั่นการใช้งานสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดี

- IRPC บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)  มียอดซื้อสุทธิผ่าน THAI NVDR จำนวน 18.69 ล้านหุ้น เนื่องมาจากนักลงทุนคาดว่าแผนการคาดควบรวมระหว่าง PTTAR และ IRPC อาจลุล่วงเสร็จภายในต้นปี 2554

- TCAPบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน)  มียอดซื้อสุทธิผ่าน THAI NVDR จำนวน 15.80 ล้านหุ้น เนื่องจากคาดการณ์ผลประกอบการที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น จากการขยายตัวของสินเชื่อรถยนต์ ประกอบกับข่าวบริษัทมีโครงการซื้อหุ้นคืน

- HMPROบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)   เป็นหุ้นที่มีการซื้อสุทธิผ่าน THAI NVDR จำนวน 13.98 ล้านหุ้น โดยผลประกอบการยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากทั้งลูกค้าบ้านเก่าและลูกค้าบ้านใหม่ รวมทั้งจะมีการเปิดสาขาใหม่ 4-5 สาขา ซึ่งจะทำให้ HMPRO มีสาขารวมเพิ่มขึ้นเป็น 39-40 สาขาในสิ้นปีนี้ และได้รับแรงกระตุ้นจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของถาครัฐ

- CCETบริษัท แคลคอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน)   เป็นหุ้นที่มีการซื้อสุทธิผ่าน THAI NVDR จำนวน 12.75 ล้านหุ้น เนื่องจากธุรกิจอยู่ในช่วงไฮซีซั่น โดยเฉพาะสินค้า PCBA ถือว่าเป็นสินค้าหลักมียอดขายดีขึ้นมาก ช่วยทำให้ยอดขายบริษัทดีขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่ากำไรจะโตก้าวกระโดดจากปีก่อนหน้า

- KBANKธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)   เป็นหุ้นที่มียอดซื้อสุทธิผ่าน THAI NVDR จำนวน 11.52 ล้านหุ้น โดยมีสาเหตุมาจากการที่ธนาคารได้เพิ่มกลยุทธ์ทางการตลาดที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ประกอบกับสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของธนาคารขยายตัวต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

- MINTบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)   เป็นหุ้นที่มีการซื้อสุทธิผ่าน THAI NVDR จำนวน 9.14 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นผลจากการคาดการณ์ของนักลงทุนและโบรเกอร์ที่มองว่าแม้ไตรมาส 2/53 และ ไตรมาส 3/53 บริษัทจะยังคงได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง แต่ในไตรมาส 4/53 ซึ่งเป็นช่วง high season ธุรกิจท่องเที่ยวจะกลับมาฟื้นตัว และธุรกิจอาหารของบริษัทมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง

0 ความคิดเห็น