HunUpdate

BCP:บางจากฯคาดผลประกอบการ Q1/55 ออกมาดี หลังค่าการกลั่นสูง,รุกขยายการตลาด 
        
        บมจ.บางจากปิโตรเลียม คาดผลประกอบการไตรมาส 1/55 ออกมาดี หลัง
ค่าการกลั่น (GRM) ที่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันและการทำประกันความเสี่ยง (hedging) จะ
อยู่ในระดับสูงที่ 12 ดอลลาร์/บาร์เรล พร้อมวางแผนการตลาดวางเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดน้ำมัน
เป็นอันดับ 2 ภายใน 2 ปีข้างหน้า
        "ผลประกอบการไตรมาส 1 ค่อนข้างออกมาดี เพราะค่าการกลั่น ซึ่งบางจากฯได้ทำ
hedge ออกมาได้ค่อนข้างดี เมื่อรวม total แล้วก็ประมาณ 12 เหรียญต่อบาร์เรล"นายอนุสรณ์
แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP กล่าวกับผู้สื่อข่าว
        เขา กล่าวว่า ค่าการกลั่นที่ไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันในไตรมาส 1/55 จะ
อยู่ที่ระดับ 7 ดอลลาร์/บาร์เรล


        BCP เป็นผู้ดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันขนาด 1.2 แสนบาร์เรล/วัน โดยในงวดไตรมาส
1/54 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1.4 พันล้านบาท โดยมี GRM รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันและการทำ
ประกันความเสี่ยงที่ระดับ 13.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
        นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนจะใช้เงินลงทุน 2 พันล้านบาท ในช่วง 2 ปีนี้
เพื่อทำการตลาดน้ำมัน โดยจะเพิ่มสถานีบริการน้ำมันเป็นระดับ 1,300 แห่งจาก 1,070 แห่ง
ในปัจจุบัน และตั้งเป้าหมายจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดค้าปลีกน้ำมันเป็นอันดับ 2 ภายใน 2 ปี
        โดยการเพิ่มสถานีบริการน้ำมันดังกล่าว จะทำให้บริษัทสามารถรับน้ำมันจากโรงกลั่น
ได้เต็มที่ จากปัจจุบันที่รับอยู่ 80% ของการกลั่นเฉลี่ยที่ 1 แสนบาร์เรล/วันในปัจจุบัน
        ตามแผนการขยายงานด้านการตลาดดังกล่าว ได้รวมถึงการเปิดสถานีบริการน้ำมัน
ในรูปแบบกรีน สเตชั่น ซึ่งจะมีการให้บริการเสริมในรูปแบบต่างๆ ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ
ออโต้เซอร์วิส การให้บริการด้านการเงิน
        โดยสถานีบริการในรูปแบบกรีน สเตชั่น ที่ได้ดำเนินการแล้ว สามารถเพิ่มยอดขาย
น้ำมันได้เป็นระดับ 9 แสนลิตร/เดือน จากเฉลี่ยที่ 3.5 แสนลิตร/เดือนของสถานีบริการทั่วไป
ซึ่งบริษัทมีแผนเปิดสถานีบริการประเภทนี้อีก 2-3 แห่ง ใช้เงินลงทุน 70-100 ล้านบาท/แห่ง
        เขา กล่าวอีกว่า บริษัทยังเดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
เพิ่มเติม โดยล่าสุดได้รับอนุมัติจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อผลิตไฟฟ้าพลังงาน
แสงอาทิตย์อีก 50 เมกะวัตต์ จะใช้เงินลงทุน 4 พันล้านบาท โดยโครงการจะแล้วเสร็จในปี 57
ขณะที่โครงการจะตั้งอยู่ในพื้นที่จ.ปราจีนบุรี กำแพงเพชร ชัยภูมิ และลพบุรี
        หากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะทำให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม
และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีอยู่ทั้งหมด
อยู่ที่ระดับ 2.8 พันล้านบาท ซึ่งจะช่วยหนุนให้ EBITDA รวมเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาทตาม
เป้าหมายได้ในอนาคต จากปัจจุบันอยู่ที่ 7-8 พันล้านบาท
        หุ้น BCP ลบ 0.25 บาท มาที่ 25 บาท
ที่มา :กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--รอยเตอร์